โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบกับ ลิเวอร์พูล มาตลอด จนกระทั่งในช่วงราวๆ 3 วันหลังสุด
ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ ไม่ใช่คนที่จะให้สัมภาษณ์เจาะลึกกับสื่อบ่อยๆ แต่แล้วอยู่ดีๆ เขาก็ตอบรับข้อเสนอจาก อาส กระบอกเสียงชื่อดังของ สเปน
ประเด็นที่ก่อให้เกิดความดราม่า และลุกลามถึงเรื่องการย้ายทีมในอนาคตอันใกล้นี้ เกิดขึ้นจาก 2 ปัจจัยหลักๆ
- การตอบคำถามในเชิงไม่ปิดโอกาสซบ เรอัล มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า
- การขุ่นเคืองที่ไม่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมในแมตช์พบ มิดทิลแลนด์
เรื่องราวทั้งหมดลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ และก่อให้เกิดคำถามขึ้นในใจของหมู่แฟน “หงส์แดง” ว่า ซาลาห์ อยากย้ายทีมแล้วจริงๆ เหรอ?
วันนี้ เราจะลองมาสำรวจข้อเท็จจริงและความเป็นไปได้ต่างๆ กัน
สิ่งแรกที่เราโต้แย้งไม่ได้เลยก็คือ ซาล่าห์ ไปให้สัมภาษณ์และพูดแบบนั้นกับ อาส จริงๆ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่เขาถูกถามเรื่องอนาคตการค้าแข้งของตัวเอง
ดาวเตะวัย 28 ปี โดนนักข่าวตัวเอ้ของแดนกระทิง ใช้คำถามล่อซื้อในเชิงว่า ใครจะเป็นสุดยอดแข้งรายถัดไปต่อจาก เมสซี่ หรือ โรนัลโด้
ซาลาห์ ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู่ว่า โลกนี้ยังมีนักฟุตบอลที่เก่งๆ มากมาย และเขาคงพูดแบบชัดๆ ไม่ได้ แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็น
เพราะสิ่งที่นักข่าวพยายามจะใช้คำถามนี้กระตุ้น ซาลาห์ ในทางอ้อมก็คือ คุณคิดว่าตัวเองมีโอกาสที่จะเป็นแข้งเบอร์ 1 ของโลกต่อจาก 2 คนนี้มากน้อยแค่ไหน?
ปัจจุบัน ดาวเตะเลือดไอยคุปต์ ยังเหลือสัญญาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ราวๆ 2 ปีครึ่ง และกับอายุ ณ เวลานี้ การเลือกครั้งถัดไปของเขาจะสำคัญต่ออาชีพมาก
ถ้าเราเจาะกันไปที่คำตอบของ ซาลาห์ ดีๆ เราจะพบว่ามันไม่มีมูลอะไรที่น่ากังวลขนาดนั้นเลย โดยมีคีย์เวิร์ดสำคัญอยู่ที่คำว่า “ทุกอย่างอยู่ที่ ลิเวอร์พูล จะตัดสินใจยังไง”
คำพูดนี้ของ ซาลาห์ สำคัญมากนะครับ มันแสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้กระสันอยากย้ายออกจากถิ่น แอนฟิลด์ ขนาดนั้น เพียงแต่มันคงไม่มีนักฟุตบอลคนไหนในโลกนี้ที่กล้าฟันธงอนาคตของตัวเองแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ได้
กับอายุของเขา มันไม่แปลกที่เขาจะต้องพิจารณาข้อเสนอครั้งถัดไปดีๆ และถ้าบอร์ดบริหาร “เร้ด แมชชีน” ตอบแทนเขาได้มากพอ มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ประเด็นถัดมาในเรื่องของการไม่พอใจเรื่องไม่ได้เป็นกัปตันทีมในแมตช์พบ มิดทิลแลนด์ และไม่เห็นด้วยกับการที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เข้ามาทำหน้าที่แทน ทั้งหมดก็คือเรื่องที่ ซาลาห์ พูดด้วยตัวเองจริงๆ เช่นกัน
แต่มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยจริงๆ น่ะเหรอ?
อดีตดาวเตะคนดังของ เชลซี, ฟิออเรนติน่า และ โรม่า คงมีความขุ่นเคืองใจอยู่ไม่น้อยแน่ๆ แต่พูดกันตรงๆ เลยนะครับ เราทุกคนก็ล้วนโตๆ กันแล้ว และถ้าจะมีใครสักคนย้ายทีมเพราะงอนต้นสังกัดที่ไม่ให้เป็นกัปตันในแมตช์พบ มิดทิลแลนด์ จริงๆ แล้วล่ะก็…..นักเตะคนนั้นอาจจะดูบ้าจี้งี่เง่าเกินไป และอาจไม่คู่ควรกับการรับใช้ทีมต่อ
ซึ่งดูจากลักษณะนิสัยของ ซาลาห์ เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่งี่เง่าขนาดนั้น มิวายต้องพูดถึงว่ามันเป็นแค่การแข่งขันสั้นๆ แมตช์เดียว แถมกัปตันทีมตัวจริงอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็น่าจะยังยืนหัวโด่อยู่ที่นี่อีกนาน
ทันทีที่เรื่องดังกล่าวปูดขึ้นมาเกือบ 2 วัน ซาลาห์ มีการเคลื่อนไหวผ่านโซเชี่ยลแบบเบาๆ ในทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยโพสต์ภาพเซลฟี่หน้าของตัวเองยิ้มแฉ่ง และไม่มีการเขียนแคปชั่นใดๆ ทั้งสิ้น
การเซลฟี่ตัวเองยิ้มมีความสุข จริงๆ แล้วจะสามารถตีความในด้านใดก็ได้ แต่กระแสของผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็มองว่า ซาล่าห์ พยายามแสดงให้เห็นว่าเขายังคงแฮปปี้ดี และไม่ได้เดือดร้อนอะไรไปกับข่าวลืออันแสนระอุ
ทุกอย่างในโลกฟุตบอลมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ และไม่มีอะไรที่แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับไม่มีใครที่อยู่ยงคงกระพันธุ์กับทีมไหนไปตลอดกาล
แต่สำหรับ โม ซาลาห์ นั้น…..มันมีโอกาสที่เขาจะอยู่กับ ลิเวอร์พูล ต่อไปอีกอย่างน้อยจนจบสัญญา มากกว่าการที่เขาจะเลือกย้ายทีมด้วยเหตุผลมึนๆ แบบนี้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าครับ