คล็อปป์ชี้ไม่ได้ตั้งใจฉีกหน้าผีก่อนเผยเหตุเปลี่ยนติอาโก้ (มีคลิป)

[LiFTiME™AdminBoard THE KLOPP เหรียญ LFC สุดยอด]

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเผยว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 'ขายหน้า' หลังทัพหงส์แดงเปิดรังแอนฟิลด์ถล่มคู่ปรับตลอดกาลย่อยยับไปถึง 4-0 ในศึกแดงเดือดเมื่อคืนที่ผ่านมา

เจอร์เก้น คล็อปป์  ยกย่อง "ค่ำคืนที่สมบูรณ์แบบ" หลังลิเวอร์พูลขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ ลีกในค่ำคืนอันน่าจดจำที่แอนฟิลด์เมื่อคืนที่ผ่านมา (อังคารที่ 19 เมษายน 2565) แต่เจ้านายใหญ่หงส์แดงยอมรับว่าไม่มีความตั้งใจที่จะทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 'ขายหน้า' หลังจากเอาชนะคู่ปรับสำคัญได้อย่างสวยงามและยังทำลายสถิติได้อีกด้วย

            โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ยิงคนเดียว 2 ประตู นอกจากนี้ยังมีหลุยส์ ดิอาซ และ ซาดิโอ มาเน่ ที่ทำอีกคนละประตูช่วยให้หงส์แดงเปิดรังแอนฟิลด์เอาชนะ 4-0 ทำให้มีแต้มแซงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 คะแนน โดยที่ทัพเรือใบสีฟ้า มีคิวเจอกับไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ในค่ำคืนนี้ (พุธที่ 20 เมษายน 2565) และคล็อปป์ก็พอใจกับผลงานของทีมที่ได้ติอาโก้ อัลกันตาร่า ทำผลงานในแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยม

            “โมยิงสอง แอสซิสต์ในประตูแรก หลุยส์แอสซิสต์ให้ซาดิโอและได้ประตูจากการจ่ายของโม” เจ้านายใหญ่หงส์แดงกล่าว “ดิโอโก้ (โชต้า) ลงมาและแอสซิสต์ประตูที่สองของโม บอกตามตรงนะครับ  มันดีมาก (จนไม่สามารถจะดีมากไปกว่านี้ได้อีก)” “ติอาโก้เล่นได้ดี ด้วยคุณภาพของเขา ชัดเจนว่ามาพร้อมความรับผิดชอบ ถ้าคุณเก่ง คุณก็ควรเล่นได้ดีเช่นกัน และนั่นคือสิ่งที่เขาทำในคืนนี้ อีกครั้ง” “สำหรับผู้จัดการทีมฟุตบอล ไม่มีอะไรให้คร่ำครวญเลยจริงๆ มันเป็นค่ำคืนที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรา เราไม่ได้มองว่ามันได้มาโดยง่าย ถ้าการเคาน์เตอร์-เพรสซิ่งของเราไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนในคืนนี้ ผมคิดว่าแมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะมีเกมที่ดีกว่านี้ได้มาก แต่เนื่องจากเราทำได้ดีสุดๆ มันจึงไม่เกิดขึ้นกับพวกเขา”

            ติอาโก้โดนเปลี่ยนตัวออกตอนเหลือเวลาอีก 10 นาที ซึ่งคล็อปป์อธิบายเหตุผลว่า “กางเกงเขาขาดครับ หลังจากนั้นเขาก็บอกผม ตอนแรกผมก็คิดว่ามันเป็นอย่างอื่น แต่เห็นได้ชัดว่าเขาสบายดี” หลังจากบุกไปเอาชนะ 5-0 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อเดือนตุลาคม ลิเวอร์พูลก็กลายเป็นทีมแรกที่ทำได้ 9 ประตูในเกมลีกกับแมนฯ ยูไนเต็ดในฤดูกาลเดียวกัน อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสถิติดังกล่าวและแสดงความเห็นอกเห็นใจสถานการณ์ของทีมของราล์ฟ รังนิค

            “ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำให้คู่ต่อสู้ขายหน้า” เขากล่าว “เราทำสิ่งที่เราต้องทำและเอาชนะเกม แน่นอนว่าแมนฯ ยูไนเต็ดอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดูไลน์อัพคืนนี้สิ พวกเขาเล่นโดยไม่มีมิดฟิลด์ตัวกลาง และเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก บ่อยครั้งในชีวิตคุณที่จะโชคร้าย และนั่นคือสิ่งที่แมนฯ ยูไนเต็ดได้รับก่อนเกม” “ในเกม ปอล (ป็อกบา) ต้องออกจากสนาม และไม่ว่าจะเป็นดาร์บี้หรือไม่ก็ตาม มันไม่ง่ายเลยที่จะเล่นกับพวกเรา เรื่อง 9-0 ผมไม่สนใจหรอก นั่นเป็นสิ่งที่ทำเพื่อแฟนบอล ถ้าพวกเขาต้องการฉลองที่ชนะ 9-0 พวกเขาก็ทำได้ แต่มันไม่ใช่สำหรับผม" "ถ้าเราชนะ 1-0 สองครั้ง ผมจะรู้สึกเหมือนกันอย่างแน่นอน ผมรู้ว่ามันจะไม่คงอยู่ตลอดไป พวกเขาจะโต้กลับ พวกเขาจะกลับมาอีกครั้ง สโมสรนี้แห่งนี้ทรงพลังมากแต่คืนนี้เราดีเกินไป”

            คล็อปป์ ยังส่งข้อความถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่สูญเสียลูกชายฝาแฝดไปอย่างน่าเศร้า โดยกองหน้าชาวโปรตุเกสรายนี้ไม่ได้ลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมนี้เนื่องจากเพิ่งผ่านเหตุการณ์อันน่าสลดเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน เมื่อจอร์จิน่า โรดริเกซ คู่ชีวิตของเขาที่ตั้งท้องลูกแฝดได้เสียลูกชายไประหว่างคลอดอย่างน่าเศร้า ในขณะที่ลูกสาวของพวกเขาคลอดออกมาอย่างปลอดภัย และแฟนแมนฯ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูลได้รวมใจเป็นหนึ่งในนาทีที่ 7 ของการแข่งขันเพื่อปรบมือให้กำลังใจโรนัลโด้เป็นเวลา 1 นาที และจะได้ยินแฟนๆ หงส์แดงร้องเพลง 'You'll Never Walk Alone' ในช่วงเวลาที่ปรบมือให้กำลังใจแข้งซุป'ตาร์ รายนี้ ซึ่งคล็อปป์ก็เป็นอีกคนที่ร่วมปรบมือให้กำลังใจโรนัลโด้โดยที่นักเตะจากทั้งสองทีมสวมปลอกแขนสีดำ ซึ่งคล็อปป์บอกกับ Sky Sports ว่า

            “แน่นอนว่ามันเป็นการแสดงความเคารพอย่างแท้จริง ทุกคนรวมใจส่งไปถึงคริสเตียโน่และครอบครัวของเขา และผมนึกไม่ออกเลยว่ามันจะต้องเป็นอย่างไร เรารู้สึกเห็นใจเขาจริงๆ” เขากล่าวเสริมว่า “ช่วงเวลายอดเยี่ยมของเกมนี้ในความคิดของผมก็คือนาทีที่เจ็ดเมื่อทั้งสนามแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง หลายสิ่งหลายอย่างมีความสำคัญในชีวิตมากกว่าฟุตบอล เรารู้สึกเห็นใจคริสเตียโน่และครอบครัวของเขา นั่นเป็นช่วงเวลายอดเยี่ยมของเกมสำหรับผม”
 

A massive round of applause in the 7th minute at Anfield for @Cristiano, followed by the singing of You’ll Never Walk Alone. pic.twitter.com/byIY8UyPQf

— This Is Anfield (@thisisanfield) April 19, 2022

Cr:smmsport.com