5 คู่ดวลแดงเดือดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
Mon 16 Oct 2017, 13:49
เฟร์นานโด ตอร์เรส VS เนมันย่า วิดิช
ไม่มีใครสงสัย เนมันย่า วิดิช ได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในปราการหลังที่ดีที่สุดของประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้ซึ่งอยู่ภายใต้สายตาอันแหลมคมของท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปลุกปั้นจนได้ดิบได้ดีกระทั่งยอดแข้งชาวเซิร์บรับเกียรติสวมปลอกแขนกัปตันทีมปีศาจแดงมาแล้ว
อย่างไรก็ตามหากถามหนึ่งในผู้เล่นที่ชอบสร้างปัญหาให้ วิดิช มากที่สุด ชื่อแรกที่หลายคนนึกถึงก่อนคงหนีไม่พ้น เฟร์นานโด ตอร์เรส นั่นเอง
นับตั้งแต่ดาวยิงแก้มแดงลงเล่นในศึกเร้ด ไฟท์มีส่วนทำให้อดีตกัปตันยูไนเต็ดถูกไล่ออกถึง 3 ครั้งด้วยกันเริ่มจากเกมในเดือนกันยายน 2008 ตามด้วยมีนาคม กับ ตุลาคม ในปีเดียวกัน 2009
แต่เกมที่เสมือนฝันร้ายของ วิดิช ต้องจดจำไปอีกนานก็คือแมตช์แดงเดือดมีนาคม 2009 เกมนั้นแข้งเซิร์บเสียท่าให้กับ ตอร์เรส หลุดเข้าไปพังประตูไล่ตามตีเสมอ 1-1 จากนั้นพี่วีอยู่ในสนามไม่นานไปรวบ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด จนโดนตะเพิดออกจากสนามต่อหน้าแฟนบอลที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดก่อนพ่ายเละคาถิ่นถึง 1-4
หลุยส์ ซัวเรซ VS ปาทริซ เอฟร่า
ถือเป็นคู่ที่อื้อฉาวที่สุดของเกมแดงเดือดโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปี 2011 ปาทริซ เอฟร่า ฟ้องว่า หลุยส์ ซัวเรซ ใช้คำพูดเหยียดสีผิวแม้ดาวยิงฟันเหยินปฎิเสธทุกข้อกล่าวหาแถม "หงส์แดง" ยังให้ท้ายนักเตะบริสุทธิ์ใจไม่มีเจตนาดูหมิ่นดูแคลน
อย่างไรก็ตาม ซัวเรซ สารภาพผิดต่อหน้าคณะลูกขุนที่ได้ทำการไต่สวนอันนำไปสู่บทลงโทษจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษหรือเอฟเอแบนหนักถึง 8 เกมพร้อมปรับเงินอีก 40,000 ปอนด์
แม้ชดใช้โทษแบนแล้วดูเหมือนกองหน้าทีมชาติอุรุกวัยยังไม่รู้สึกสำนึกกลับมาเจอกันอีกครั้งในเกมแดงเดือดที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2012 เขาปฎิเสธจับมือคู่กรณี เอฟร่า ข้ามไปจับ ดาบิด เด เกอา แทนทำเอาคู่กรณีไม่พอใจเลยประท้วงด้วยการคว้าแขน ซัวเรซ นั่นทำให้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปฎิเสธจับมือด้วย
สุดท้ายผู้ชนะที่แท้จริงก็คือ เอฟร่า มีส่วนช่วยต้นสังกัดหักปีกหงส์แดง 2-1 แม้ ซัวเรซ ยิงประตูตีไข่แตกแต่ก็ไม่เพียงพอ หลังจบเกมแข้งเมืองน้ำหอมชูสองแขนด้วยความสะใจต่อหน้าดาวยิงโพนยางคำ
ไมเคิ่ล โอเว่น VS ไมเคิ่ล โอเว่น
ไมเคิ่ล โอเว่น เคยแจ้งเกิดกับ ลิเวอร์พูล ก่อนสร้างชื่อกระฉ่อนโลกในศึกเวิลด์ คัพ 1998 จากนั้นก้าวไปคว้ารางวัลบัลลง ดอร์จนกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลเดอะค็อปรักมากที่สุดคนนึง
ความสำเร็จที่ดาวยิงร่างเล็กทีมชาติอังกฤษมีส่วนช่วย "หงส์แดง" คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย,ลีก คัพ 2 ครั้ง,ยูฟ่า คัพ 1 สมัยและยูฟ่า ซูเปอร์ คัพอีก 1 ครั้บพร้อมฝากสถิติน่าทึ่งซัลโว 158 ประตูตลอดการรับใช้ 297 เกมรวมทุกรายการ
แต่ทว่า โอเว่น สร้างโกรธแค้นต่อเหล่าสาวกเดอะค็อปถึงกับรับไม่ได้จนยากเกินให้อภัยก็คือการที่เขาย้ายไปผลิตสกอร์ในนาม แมนฯยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาลเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2009
ถึงแม้หอกร่างเล็กไม่ใช้ผู้เล่นตัวหลักแต่อย่างน้อยๆเขาทำในสิ่่งที่ ลิเวอร์พูล ทำไม่ได้ก็คือสัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีก 2010/11 พร้อมกับสถิติ 17 ประตูจาก 52 เกมตลอดการเล่นที่โรงละครแห่งความฝัน
สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด VS พอล สโคลส์
ถือเป็นการดวลกันที่สมศักดิ์ศรีด้วยกันระหว่าง สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด และ พอล สโคลส์ อยู่ในเจเนอเรช้่นเดียวกันต่างก็เป็นศิษย์ก้นกุฎิประจำสโมสรจนกลายเป็นตำนานผู้ยิ่งใหญ่ด้วยกันทั้งคู่
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจทำไมมักมีคนเปรียบเทียบระหว่าง เจอร์ราร์ด กับ สโคลส์ ใครเจ๋งกว่ากัน แต่มองอย่างเป็นกลางทั้งสองหนุ่มกินกันไม่ลงจริงๆ
แม้ว่ากัปตันไดนาโมไม่เคยมีวาสนาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแม้แต่ครั้งเดียวต่างจากกองกลางยูไนเต็ดได้เฉลิมฉลองถึง 11 สมัย แต่บรรดากูรูลูกหนังยืนยันความสำเร็จดังกล่าวไม่ใช่เครื่องชี้วัดว่าใครยิ่งใหญ่กว่า
อย่างน้อยๆ เจอร์ราร์ด กลายเป็นที่ยอมรับจากนักเตะเพื่อนร่วมอาชีพติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอถึง 8 ครั้งมากกว่า สโคลส์ ที่ได้เพียงแค่ 2 ครั้ง
หากวัดกันที่ตัวเลขการพังประตูแล้วล่ะก็ กัปตันไดนาโมซัลโว 186 ตุงตลอดการรับใช้ ลิเวอร์พูล 710 เกม ขณะที่มิดฟิลด์แห่งยูไนเต็ดทำได้ 155 ลูกจาก 718 นัด
เยอร์เก้น คล็อปป์ VS โจเซ่ มูรินโญ่
เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจรับเผือกร้อนเทคโอเวอร์ทีมลิเวอร์พูลเมื่อเดือนตุลาคมปี 2015 จนกลายเป็นความหวังใหม่ของเดอะค็อปต่างคาดหวังในอดีตกุนซือโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์จะนำพา "หงส์แดง" คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้เสียที
เพียงแค่ฤดูกาลแรก คล็อปป์ โชว์ฝีมือพายอดทีมแห่งเมอร์ซี่ไซด์ทะลุชิงชนะเลิศถึง 2 รายการทั้งลีก คัพและยูโรป้า ลีกแม้สุดท้ายอกหักได้แค่รองแชมป์แต่ถือว่าสอบผ่าน ขณะที่ซีซั่นถัดมาพา ลิเวอร์พูล ทะลุติดท็อปโฟร์กลับเข้าร่วมรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามเทรนเนอร์ชาวเยอรมันต้องเผชิญกับความกดดันอย่างหนักหน่วงในซีซั่นที่สามด้วยความคาดหวังจะต้องพา "หงส์แดง" คว้าแชมป์ให้ได้สักถ้วย
ขณะที่ มูรินโญ่ กลายเป็นผู้จัดการคนใหม่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2016 เพียงแค่ซีซั่นแรกเท่านั้นนำพาสโมสรคว้าสามแชมป์ไล่ตั้งแต่คอมมิวนิตี้ ชิลด์,ลีก คัพและยูโรป้า ลีกพร้อมคว้าสิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกโดยอัตโนมัติ
ส่วนสถิติเฮด-ทู-เฮดการดวลฝีมือกันของสองยอดโค้ชแห่งยุคตลอดการเจอกัน 7 ครั้งปรากฎว่า คล็อปป์ เอาชนะได้ถึง 3 ขณะที่ มูรินโญ่ มีชัยแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ส่วน 3 ครั้งที่เหลือลงเอยด้วยผลเสมอ
Cr:soccersuck.com
ไม่มีใครสงสัย เนมันย่า วิดิช ได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในปราการหลังที่ดีที่สุดของประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้ซึ่งอยู่ภายใต้สายตาอันแหลมคมของท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปลุกปั้นจนได้ดิบได้ดีกระทั่งยอดแข้งชาวเซิร์บรับเกียรติสวมปลอกแขนกัปตันทีมปีศาจแดงมาแล้ว
อย่างไรก็ตามหากถามหนึ่งในผู้เล่นที่ชอบสร้างปัญหาให้ วิดิช มากที่สุด ชื่อแรกที่หลายคนนึกถึงก่อนคงหนีไม่พ้น เฟร์นานโด ตอร์เรส นั่นเอง
นับตั้งแต่ดาวยิงแก้มแดงลงเล่นในศึกเร้ด ไฟท์มีส่วนทำให้อดีตกัปตันยูไนเต็ดถูกไล่ออกถึง 3 ครั้งด้วยกันเริ่มจากเกมในเดือนกันยายน 2008 ตามด้วยมีนาคม กับ ตุลาคม ในปีเดียวกัน 2009
แต่เกมที่เสมือนฝันร้ายของ วิดิช ต้องจดจำไปอีกนานก็คือแมตช์แดงเดือดมีนาคม 2009 เกมนั้นแข้งเซิร์บเสียท่าให้กับ ตอร์เรส หลุดเข้าไปพังประตูไล่ตามตีเสมอ 1-1 จากนั้นพี่วีอยู่ในสนามไม่นานไปรวบ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด จนโดนตะเพิดออกจากสนามต่อหน้าแฟนบอลที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดก่อนพ่ายเละคาถิ่นถึง 1-4
หลุยส์ ซัวเรซ VS ปาทริซ เอฟร่า
ถือเป็นคู่ที่อื้อฉาวที่สุดของเกมแดงเดือดโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปี 2011 ปาทริซ เอฟร่า ฟ้องว่า หลุยส์ ซัวเรซ ใช้คำพูดเหยียดสีผิวแม้ดาวยิงฟันเหยินปฎิเสธทุกข้อกล่าวหาแถม "หงส์แดง" ยังให้ท้ายนักเตะบริสุทธิ์ใจไม่มีเจตนาดูหมิ่นดูแคลน
อย่างไรก็ตาม ซัวเรซ สารภาพผิดต่อหน้าคณะลูกขุนที่ได้ทำการไต่สวนอันนำไปสู่บทลงโทษจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษหรือเอฟเอแบนหนักถึง 8 เกมพร้อมปรับเงินอีก 40,000 ปอนด์
แม้ชดใช้โทษแบนแล้วดูเหมือนกองหน้าทีมชาติอุรุกวัยยังไม่รู้สึกสำนึกกลับมาเจอกันอีกครั้งในเกมแดงเดือดที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2012 เขาปฎิเสธจับมือคู่กรณี เอฟร่า ข้ามไปจับ ดาบิด เด เกอา แทนทำเอาคู่กรณีไม่พอใจเลยประท้วงด้วยการคว้าแขน ซัวเรซ นั่นทำให้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปฎิเสธจับมือด้วย
สุดท้ายผู้ชนะที่แท้จริงก็คือ เอฟร่า มีส่วนช่วยต้นสังกัดหักปีกหงส์แดง 2-1 แม้ ซัวเรซ ยิงประตูตีไข่แตกแต่ก็ไม่เพียงพอ หลังจบเกมแข้งเมืองน้ำหอมชูสองแขนด้วยความสะใจต่อหน้าดาวยิงโพนยางคำ
ไมเคิ่ล โอเว่น VS ไมเคิ่ล โอเว่น
ไมเคิ่ล โอเว่น เคยแจ้งเกิดกับ ลิเวอร์พูล ก่อนสร้างชื่อกระฉ่อนโลกในศึกเวิลด์ คัพ 1998 จากนั้นก้าวไปคว้ารางวัลบัลลง ดอร์จนกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลเดอะค็อปรักมากที่สุดคนนึง
ความสำเร็จที่ดาวยิงร่างเล็กทีมชาติอังกฤษมีส่วนช่วย "หงส์แดง" คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย,ลีก คัพ 2 ครั้ง,ยูฟ่า คัพ 1 สมัยและยูฟ่า ซูเปอร์ คัพอีก 1 ครั้บพร้อมฝากสถิติน่าทึ่งซัลโว 158 ประตูตลอดการรับใช้ 297 เกมรวมทุกรายการ
แต่ทว่า โอเว่น สร้างโกรธแค้นต่อเหล่าสาวกเดอะค็อปถึงกับรับไม่ได้จนยากเกินให้อภัยก็คือการที่เขาย้ายไปผลิตสกอร์ในนาม แมนฯยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาลเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2009
ถึงแม้หอกร่างเล็กไม่ใช้ผู้เล่นตัวหลักแต่อย่างน้อยๆเขาทำในสิ่่งที่ ลิเวอร์พูล ทำไม่ได้ก็คือสัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีก 2010/11 พร้อมกับสถิติ 17 ประตูจาก 52 เกมตลอดการเล่นที่โรงละครแห่งความฝัน
สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด VS พอล สโคลส์
ถือเป็นการดวลกันที่สมศักดิ์ศรีด้วยกันระหว่าง สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด และ พอล สโคลส์ อยู่ในเจเนอเรช้่นเดียวกันต่างก็เป็นศิษย์ก้นกุฎิประจำสโมสรจนกลายเป็นตำนานผู้ยิ่งใหญ่ด้วยกันทั้งคู่
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจทำไมมักมีคนเปรียบเทียบระหว่าง เจอร์ราร์ด กับ สโคลส์ ใครเจ๋งกว่ากัน แต่มองอย่างเป็นกลางทั้งสองหนุ่มกินกันไม่ลงจริงๆ
แม้ว่ากัปตันไดนาโมไม่เคยมีวาสนาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแม้แต่ครั้งเดียวต่างจากกองกลางยูไนเต็ดได้เฉลิมฉลองถึง 11 สมัย แต่บรรดากูรูลูกหนังยืนยันความสำเร็จดังกล่าวไม่ใช่เครื่องชี้วัดว่าใครยิ่งใหญ่กว่า
อย่างน้อยๆ เจอร์ราร์ด กลายเป็นที่ยอมรับจากนักเตะเพื่อนร่วมอาชีพติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอถึง 8 ครั้งมากกว่า สโคลส์ ที่ได้เพียงแค่ 2 ครั้ง
หากวัดกันที่ตัวเลขการพังประตูแล้วล่ะก็ กัปตันไดนาโมซัลโว 186 ตุงตลอดการรับใช้ ลิเวอร์พูล 710 เกม ขณะที่มิดฟิลด์แห่งยูไนเต็ดทำได้ 155 ลูกจาก 718 นัด
เยอร์เก้น คล็อปป์ VS โจเซ่ มูรินโญ่
เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจรับเผือกร้อนเทคโอเวอร์ทีมลิเวอร์พูลเมื่อเดือนตุลาคมปี 2015 จนกลายเป็นความหวังใหม่ของเดอะค็อปต่างคาดหวังในอดีตกุนซือโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์จะนำพา "หงส์แดง" คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้เสียที
เพียงแค่ฤดูกาลแรก คล็อปป์ โชว์ฝีมือพายอดทีมแห่งเมอร์ซี่ไซด์ทะลุชิงชนะเลิศถึง 2 รายการทั้งลีก คัพและยูโรป้า ลีกแม้สุดท้ายอกหักได้แค่รองแชมป์แต่ถือว่าสอบผ่าน ขณะที่ซีซั่นถัดมาพา ลิเวอร์พูล ทะลุติดท็อปโฟร์กลับเข้าร่วมรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามเทรนเนอร์ชาวเยอรมันต้องเผชิญกับความกดดันอย่างหนักหน่วงในซีซั่นที่สามด้วยความคาดหวังจะต้องพา "หงส์แดง" คว้าแชมป์ให้ได้สักถ้วย
ขณะที่ มูรินโญ่ กลายเป็นผู้จัดการคนใหม่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2016 เพียงแค่ซีซั่นแรกเท่านั้นนำพาสโมสรคว้าสามแชมป์ไล่ตั้งแต่คอมมิวนิตี้ ชิลด์,ลีก คัพและยูโรป้า ลีกพร้อมคว้าสิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกโดยอัตโนมัติ
ส่วนสถิติเฮด-ทู-เฮดการดวลฝีมือกันของสองยอดโค้ชแห่งยุคตลอดการเจอกัน 7 ครั้งปรากฎว่า คล็อปป์ เอาชนะได้ถึง 3 ขณะที่ มูรินโญ่ มีชัยแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ส่วน 3 ครั้งที่เหลือลงเอยด้วยผลเสมอ
Cr:soccersuck.com
- เจ้าเก่าSirMosalaเหรียญสำหรับแฟนพันธุแท้โมซาลา
- Post : 94
Like : 11
Points : 11
Join : 10/11/2017
Power :
Re: 5 คู่ดวลแดงเดือดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
Sat 11 Nov 2017, 22:01
แดงเดือดปัจจุบันสู้แดงเดือด ยุคก่อนไม่ได้เลยครับ
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ