EVERYBODY[THEKOP]™บอร์ดของคนรักหงส์
เมื่อกลางไม่ support การเข้าทำเดิมๆ ความบรรลัยจึงบังเกิด Hhhhhh11
EVERYBODY[THEKOP]™บอร์ดของคนรักหงส์
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Go down
LiFTiME™
LiFTiME™
AdminBoard
AdminBoard
THE KLOPP
เหรียญ LFC สุดยอด
Post : 876
Like : 14
Points : 1020
Join : 24/06/2010
Power : เมื่อกลางไม่ support การเข้าทำเดิมๆ ความบรรลัยจึงบังเกิด 10010
https://lfc1892.thai-forum.net/

LFC เมื่อกลางไม่ support การเข้าทำเดิมๆ ความบรรลัยจึงบังเกิด

Wed 24 Jan 2018, 13:49
เมื่อกลางไม่ support การเข้าทำเดิมๆ ความบรรลัยจึงบังเกิด Untitl10

เมื่อกลางไม่ support การเข้าทำเดิมๆ ความบรรลัยจึงบังเกิด 48787e10

ไม่รู้เป็นอะไรครับ เวลาลิเวอร์พูลชนะคู่แข่ง ถ้าผมเห็นพวกคลิปการวิเคราะห์การยืนของผู้เล่น ,heat map ของ key man หรือแม้กระทั่งบทความวิเคราะห์อนาคตสวยหรู และ อะไรก็ตามแต่ ผมจะผ่านทันที 

นอกจากไฮท์ไลท์ยิงประตูที่ชอบดูวนไปวนมา 4-5 รอบ(โดยเฉพาะตอนเล่นทีมเยือน ยิงแล้วมีเสียงเฮจากแฟนเราเป็นหย่อมๆแต่ในสนามนั่งกันเงียบ) ผมชอบอ่านบทสัมภาษณ์ของฝ่ายตรงข้ามเวลาพูดถึง”หงส์แดง” มากกว่า

รวมถึงพวกกูรูจากสกาย แมทช์ ออฟ เดอะ เดย์ (ที่ออกมาในรูปของข่าวเป็นตัวหนังสือนะครับ) เพราะฝรั่งวิเคราะห์ลึก และ ไม่มีเกรงใจความเป็นอวุโสเหมือนบ้านเรา 

เหมือนอย่างที่เธียร์รี่ อองรี ที่เคยวิเคราะห์ภาษากายของเพื่อนร่วมทีมที่ไม่เข้าไปดีใจกับอเล็กซิส ซานเชส จนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นประตูขึ้นนำ 2-1 ในเกมพบคริสตัล พาเลซเมื่อปลายเดือนธันวาคมแต่นักเตะกลับแยกไปดีใจ ทั้งๆที่ควรจะอารมณ์มาเต็ม หรือ สะใจ อะไรทำนองนี้มากกว่า (คือมันเป็นประตูพลิกนำ ถ้ายิงขาด 3-0,4-0 ก็ยังพอเข้าใจ)

เออ พอเราอ่านที่อองรีพูดแล้วต้องย้อนกลับไปดูคลิปอีกรอบ เป็นการตีประเด็นที่คนธรรมดาอย่างเรานึกไม่ถึง 

แต่ถ้าใครได้ติดตามทรูวิชั่น ดูช่วงพักครึ่งบอลพรีเมียร์ลีก จะเห็นความแตกต่างว่า “น้ำ” กับ “เนื้อ” กับนักบอลที่ทรูเชิญมานั่งวิเคราะห์เกม อย่าใช้ว่าวิเคราะห์เลย เรียกว่ามาเจื้อยแจ้วมากกว่า ไม่ได้ยกประเด็นที่ทำให้เราคล้อยตาม หรือ พยักหน้าว่าเออจริงว่ะ อะไรแบบนี้

มีแต่รอภาพช้าแล้วก็พูดตามภาพช้า นี่ครับกระชาก 2 แล้วยิง,นี่อีกลูกครับโยนมาแล้วโขก (กูก็ดูพร้อมกับพวกมึงแหละครับ!!)

หรือไม่ก็บอกว่าบอลสามหน้าอะไรก็เกิดขึ้นได้,ต้องดูครึ่งแรกก่อนถึงจะเห็นหน้าเห็นหลัง พอพักครึ่งบอกขอดูอีกครึ่งนึงก่อนแล้วถึงจะตอบได้ เขร้...แล้วก็พูดวกวนล่กๆเวลาหาทางจบไม่ได้ จนเราต้องเอาใจช่วยให้หาทางลงสวยๆ กระอักกระอ่วนกันไปทั้งคนทางบ้านและห้องส่ง

ที่มีเข้าท่าและคิดว่าควรเป็นตัวหลักก็คือ”พี่ตุ๊ก” ปิยพงษ์ ผิวอ่อน ลองนั่งฟังกันดูครับเสาร์ อาทิตย์นี้ จะรับรู้ได้ด้วยตัวเองทันที

เข้าเรื่อง”หงส์” นะครับ เดี๋ยวลืม

เกมเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมมั่นใจก่อนเตะมากว่าเจอ”บ๊วย”ต้องมีอย่างต่ำ 3 เม็ดเพราะสวอนซีเป็นทีมประเภทเดียวกับไบรจ์ตัน หรือ ฮัดเดอร์ฟิลด์ คือทรงบอลพอได้(โดยเฉพาะไบรจ์ตัน) แต่พอถึง third area การเข้าทำไร้ประสิทธิภาพ หรือ ไม่นิ่งพอ 

ดังนั้นการมี VVD และ ถ้าเล่นไม่พลาดกันเองยังไงก็นอนมา 

เกมชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คนอวยกันเยอะ แต่เกมนั้นมันเปิดไงครับ จินตนาการในการบุกแทบไม่ต้องพลิกตำราถึงขนาด 4-5 หน้า แค่เปิดหน้าเดียวก็รู้เรื่องแล้ว 

และการแพ้สวอนซีทีมบ๊วยจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่มันคล้ายๆกับว่าลิเวอร์พูลเดินทางหมุนรอบตัวเองมาถึงจุดที่เคยเกิดเรื่องไว้ซึ่งถ้ายังจำกันได้หลังแพ้แมนฯซิตี้ 5-0 ทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ มีปัญหาเรื่องการจบสกอร์อย่างหนัก เข้าขั้นโคม่าทั้งๆที่โอกาสเยอะมาก ชนะ 1 เสมอ 6 แพ้ 1 (ก่อนมาแพ้ยับให้สเปอร์ส 4-1)

ที่เสมอ 6 ย้อนความจำเสมอเซบีญ่า 2-2 ทั้งๆที่ควรยิงขาด 3-0 ,เสมอเบิร์นลีย์ 1-1 ทั้งๆที่ขึงอยู่ข้างเดียว(รูปเกมเหมือนสวอนซี),แพ้เลสเตอร์ ในลีก คัพ อันนี้อัปยศมากเพราะครึ่งแรกบุกข้างเดียวแทบจะ 90% แถมอีบอร์ร่า กลางเลสเตอร์เล่นได้ขยะมาก แต่กลับแพ้ 2-0 รวมถึงเสมอสปาร์ตัก มอสโกว์ 1-1 (บุกข้างเดียวเหมือนเดิม) และที่ผมยังเจ็บใจถึงทุกวันนี้ไม่หายคือเสมอนิวคาสเซิ่ล ที่เซนต์เจมส์พาร์ค โดยที่ตอนนั้นยิงจ่อๆเผาขนยังไม่เข้า แทนที่จะ 2-0,3-0,4-0 กลายเป็น 1-1 แถมเป็นลูกตีเสมอที่โจเอล มาติปสกัดเข้าเองอีก

ทั้งหมดทั้งมวล ลิเวอร์พูลต้องตั้งคำถามว่าเหตุการณ์พวกนี้มาจากการจบสกอร์ไม่เฉียบขาดเองใช่ไหม 

ใช่ครับ เพราะถ้าลูกที่ VVD งัดข้ามหัวให้โม ซาลาห์วอลเลห์คนเดียว และลูกที่โมจ่ายให้มาเน่วิ่งมาวอลเลย์ รวมถึงโรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่โขกชนเสา ลัลลาน่าซ้ำไม่เข้า ขอซักลูกจากโอกาสเหน่งๆทั้งหมดก็จะไม่แพ้

แต่อีกปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือนอกเหนือจากโอกาสข้างต้นดังกล่าว ลิเวอร์พูลไปเสียเวลากับการเล่นด้วยการจ่ายขวางสนามแบบไร้สปีดบอลอยู่แทบจะทั้งเกมโดยให้เซ็นเตอร์เป็นคนเซ็ตบอล 

แบบนี้กุนซือคนไหนก็วางหมากมารับมือง่ายมากครับ การเล่นแบบนี้ล้าสมัยไปนานแล้ว พวกทีมอย่างแมนฯซิตี้,บาร์ซ่า เค้าเจอทีมอุดแบบนี้ทุกสัปดาห์เค้าคิดค้นหาวิธีเจาะเป็นเรื่องเป็นราว เจออุดมากกว่าที่”หงส์แดง”เจอซักอีกครับ

การจ่ายขวางไปมา ตัวประกบตามคุมตัวมาร์คของตัวเองได้ง่ายครับ เพราะบอลเคลื่อนที่ช้าไปแนวขวาง แล้วจริงๆมันต้องเป็นเพลย์เมคเกอร์ หรือ กลางที่มีเซนส์ มีจิตนาการ เป็นตัวขับเคลื่อน ไม่ใช่เซนเตอร์เป็นหลัก 

ดูได้ครับซาลาห์มีตัวยืนพิงหลังคู่ทั้งเกม พลิกบอลแต่ละทีลำบากมาก ดังนั้นการเล่นแบบนี้ ถ้ามีกลางดีๆซักตัวจ่ายให้ซาลาห์ แล้วตัวเองวิ่งไปเลย ซาลาห์ก็ไม่ต้องพลิกบอลครับแต่พิงยื้อไว้แล้วแตะให้คนที่จ่ายมาตะกี้วิ่งมาเล่นต่อ เพราะการเล่นฟุตบอล คนหันหน้าเล่นบอลจะมาด้วยสปีด มองเห็นรอบด้านทำให้สามารถทำอะไรกับบอลได้ต่อ ซึ่งผิดกับคนหันหลังเล่นครับ 

ซึ่งตรงนี้ลิเวอร์พูลขาดกลางที่จะมาเล่นแบบนี้กับพวกแนวรุก จิ๊กซอว์ตัวนี้คือนาบิล เกอิต้า ที่เล่นตำแหน่งไวจ์นัลดุมเต็มๆ แข้งฮอลแลนด์ผู้นี้ผมดูแล้วฤดูกาลหน้าไม่สำรองก็ย้ายครับ เล่นแบบขี้กลัว ไม่กล้าเล่นเลย เคยเอาใจช่วยอยู่นะ บางทีก็คิดว่าเล่นตัวรับอาจกลับเสียบอล เดี๋ยวบอสจะด่า แต่หลายๆครั้งเห็นเติมเกมได้บอลหน้าเขตโทษก็ยังลนลาน ไม่มีจินตนาการอะไรเลย 

นักบอลที่เล่นได้แนวเดียวไร้มิติชวนให้นึกถึงโมโม่ ซิสโซโก้ สมัยราฟาเอล เบนิเตซ คือแกแย่งบอลโคตรเก่งอ่ะ แต่จ่ายบอลอย่างกาก รุกไม่ได้เลย ดังนั้นจังมีประโยชน์เวลาเจอทีมใหญ่ หรือเล่นบอลน็อกเอาท์ 2 นัด ในระบบ 4-5-1 โมโม่นี่เด่นมาก แต่อย่าเผลอให้ทีมโดนนำก่อนนะครับ แกจะไร้ประโยชน์เลยเพราะทีมต้องตั้งบอลรุกใส่

นาที 70 เศษๆครับ ลองไปหาคลิปดู คือการเล่นที่ผมคิดว่าถ้าเล่นแบบนี้เป็นหลักน่าจะมีโอกาสมากกว่าที่เป็นแถมเป็นการเล่นที่ถูกต้องในการสู้กับทีมตั้งรับ เป็นจังหวะที่มาติปพาบอลมาเองแล้วแทงต่อให้ OX ในขณะที่ตัวเองก็วิ่งห้อขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษซึ่ง OX แปะให้ซาลาห์ และไปจบที่มาติปยิง ทั้งหมดนี้ต่อบอลจังหวะเดียวและใช้เวลาแค่ 5 วินาที!!

ถามว่าถ้ามาติป วิ่งเติมแบบนี้ ทำไมดุม หรือ ชาน จะทำไม่ได้ หรือไม่มีเซนส์ ไม่มีความสามารถในเรื่องนี้ หรือต้องหานักเตะที่เล่นแนวนี้ บลา บลา

หรือผมไม่รู้ว่า JK และทีมงานได้มีการวิเคราะห์การเข้าทำแบบนี้หรือไม่ เพราะถ้าจะฝืนใช้นักเตะแดนกลางชุดนี้โดยที่ไม่ปรับเปลี่ยนการเข้าทำ ผมไม่เชื่อว่านี่จะเป็นเกมสุดท้ายที่เราได้เห็น

รวมถึงท้ายเกมที่ผมไม่รู้ว่าทำไมไม่ยืดหยุ่น คือโรเบิร์ตสันได้บอลจาก VVD บ่อยมาก แต่ตัวประกบโคตรรู้งาน ไปยืนชิดริมเส้นไม่ให้แบ็คซ้ายจอมบุกได้ไปทางเท้าถนัดแต่แกเล่นขวาไม่ได้เลี้ยงตัดไม่ได้ ก็ต้องคืนไปคืนมาให้ VVD อยู่หลายครั้ง 

ในเมื่อแดนนี่ อิงกส์ ลงมาแล้ว ตัวรุกหน้าเขตโทษเยอะขึ้น การเปิดบอลจากด้านข้างก็เป็นอีกวิธี ดังนั้นทางแก้ก็คือ”มาเน่” ควรมาเอาบอลทางปีกซ้ายแล้วให้โรเบิร์ตสันคอยวิ่งเลาะเส้น แบบนี้ตัวประกบจะต้องตาม 2 คน มาเน่มีทางเลือกคือไม่หาโอกาสแทงให้โรเบิร์ตสันหลุดไปเปิดบอลก็เลี้ยงตัดเข้าใน

ผมเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจว่าถูก JK สั่งมา หรือว่าจะรอให้เซนเตอร์ตั้งเกมแบบที่ทำตลอดทั้งเกมอีก

ข้อสังเกตอีกอย่างที่ผมเริ่มรู้สึกว่าใช่คือฟีโน่ ถ้าจะให้แกเล่นดีเกมไหนต้องลุ้นให้ออกสต๊าร์ตสวยๆครับคือจ่ายบอลครั้งแรกๆอย่าให้เสียไม่งั้นจะเป๋ยาว เกมกับสวอนซีพอเริ่มต้นไม่ดีแกไม่เอาทั้งเกมเลยครับ เป็นนักเตะที่แปลกมาก

โจทย์การบ้าน ณ ตอนนี้คือ ลิเวอร์พูลจะถอยกลางตัวสร้างสรรค์เกมฉลาดๆก่อนตลาดปิดหรือไม่

ส่วนตัวผมยืนยันมานานแล้วว่าต้องมี ต่อให้ 3 แนวรุกเทพแค่ไหน กลางไม่ support ก็เหมือนจะสร้างบ้านมีแต่เครื่องมือไม่มีสถาปนิก จะไปหวังให้หน้าเดิมๆทำประตูอยู่ทุกสัปดาห์ทุกนัดมันก็ตลกร้ายเกินไป

อดัม ลัลลาน่า,อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด เป็นตัวหลักไม่ได้ครับพวกนี้เหมือน add on โปรแกรมส่วนเสริม โดยคนแรกจมูกไม่ไวครับ ดึงจังหวะเยอะ คือใครจะวิ่งจะขอบอลยังไงแกจะขอไขว้ม้วนก่อนเพื่อเป็นเกียรติต่อวงตระกูล พวกจมูกไวคือเห็นอะไรที่อันตรายจะแทงจะจ่ายทันที ส่วน OX ไม่สม่ำเสมอ ไม่ละเอียด บางเกมดีก็ยกกันว่าแทนได้แต่แกไม่จะเด่นก็ต่อเมื่อทั้งทีมกำลังมาเหมือนที่ชนะจ่าฝูงเมื่อสัปดาห์ก่อน

แต่ตามนิสัยแล้ว JK แกไม่เสริมทัพกลางซีซั่น กรณี VVD นี่พิเศษ และ สบโอกาสเดือนนี้พอดี 

อย่าลืมครับท็อป 4 มีผลอย่างมากต่อการสร้างทีมเสริมทัพในซัมเมอร์นี้ บางทีนโยบายส่วนตัวก็ต้องละทิ้งเพื่อผลในระยะยาวกันบ้าง...





Cr:soccersuck.com
ขึ้นไปข้างบน
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ