ออเจ้าเป็นคนกำเริบ!!หงส์โล้สำเภาเขย่าเรือจมไป 3-0
Thu 05 Apr 2018, 04:37
หงส์แดงระเบิดฟอร์มสุดยอดโดยไม่ต้องใช้มนต์กฤษณะกาลี เมื่อจัดการปูพร่มถล่มเรือใบสีฟ้าล่มจมตั้งแต่นัดแรกของรอบ 8 ทีม
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2017-2018 รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรก เป็นการพบกันเองของสองทีมจากอังกฤษระหว่าง ลิเวอร์พูล อดีตแชมป์ 5 สมัย เปิดร้งเหย้าแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเจ้าถิ่น ปรับทัพจากเกมก่อนในพรีเมียร์ลีกซึ่งบุกชนะคริสตัล พาเลซ 2-1 ทั้งสิ้น 2 ราย ได้แก่ เดยัน ลอฟเรน กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ซึ่งได้ลงตัวจริงแทน โยเอล มาติป และ จอร์จินโญ ไวจ์นัลดุม
ด้านผู้มาเยือนของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เปลี่ยนนนักเตะจากพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดที่บุกชนะเอฟเวอร์ตัน 3-1 เพียงแค่คนเดียวเท่านั้นคือการให้โอกาส อิลคาย กุนโดกัน ลงเป็น 11 คนแรกแทนเด็กเก่าหงส์แดงอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง
ออกสตาร์ทเกมมาเพียงแค่ 12 นาทีเท่านั้น เป็นฝั่งของลิเวอร์พูลที่สามารถพังประตูขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหลให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน ยิงติดเซฟของ เอแดร์สัน ก่อนที่ ฟีร์มิโน จะอาศัยความขยันโฉบไปจิ้มบอลก่อนจะโดน ไคล์ วอล์คเกอร์ เคลียร์ทิ้ง ทำให้ลูกไปเข้าทาง ซาลาห์ กดด้วยซ้ายตุงตาข่าย ส่งให้หงส์แดงออกนำ 1-0
ถัดมานาทีที่ 20 อดีตแชมป์ 5 สมัยมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ จ่ายบอลให้ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ซัดไกลด้วยขวาเต็มข้อพาลูกพุ่งเบียดเสาเข้าไปอย่างสวยสดงดงามหมดจด ช่วยให้เจ้าบ้านหนีห่างเป็น 2-0
จากนั้นนาทีที่ 31 ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์มาได้ประตูที่สามเพิ่มเติมอีก จากจังหวะที่ ซาลาห์ หยอดบอลทางกราบขวาเข้ากลางให้ ซาดิโอ มาเน เทกตัวโขกไม่เหลือ ส่งให้เครื่องจักรสีแดงทำงานทิ้งห่างแบบเหลือเชื่อเกินคาดถึง 3-0 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังหงส์แดงอาจต้องเซ็งเล็กน้อย เมื่อแข้งตัวเก่งอย่าง ซาลาห์ ประสบปัญหาบาดเจ็บจนกฝืนเล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง ไวจ์นัลดุม ลงมาเแทนในนาทีที่ 53 ทว่าสุดท้ายก็ไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีกแต่อย่างใด ทำให้จบเกมเป็นลิเวอร์พูลที่ถล่มเอาชนะไปได้แบบขาดลอยถึง 3-0 กุมความได้เปรียบก่อนที่นัดสองจะโยกไปเล่นกันที่เอติฮัด สเตเดี้ยมบ้าง ในคืนวันอังคารที่ 10 เมษายนนี้ 1.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
Cr:superscore
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2017-2018 รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรก เป็นการพบกันเองของสองทีมจากอังกฤษระหว่าง ลิเวอร์พูล อดีตแชมป์ 5 สมัย เปิดร้งเหย้าแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเจ้าถิ่น ปรับทัพจากเกมก่อนในพรีเมียร์ลีกซึ่งบุกชนะคริสตัล พาเลซ 2-1 ทั้งสิ้น 2 ราย ได้แก่ เดยัน ลอฟเรน กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ซึ่งได้ลงตัวจริงแทน โยเอล มาติป และ จอร์จินโญ ไวจ์นัลดุม
ด้านผู้มาเยือนของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เปลี่ยนนนักเตะจากพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดที่บุกชนะเอฟเวอร์ตัน 3-1 เพียงแค่คนเดียวเท่านั้นคือการให้โอกาส อิลคาย กุนโดกัน ลงเป็น 11 คนแรกแทนเด็กเก่าหงส์แดงอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง
ออกสตาร์ทเกมมาเพียงแค่ 12 นาทีเท่านั้น เป็นฝั่งของลิเวอร์พูลที่สามารถพังประตูขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหลให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน ยิงติดเซฟของ เอแดร์สัน ก่อนที่ ฟีร์มิโน จะอาศัยความขยันโฉบไปจิ้มบอลก่อนจะโดน ไคล์ วอล์คเกอร์ เคลียร์ทิ้ง ทำให้ลูกไปเข้าทาง ซาลาห์ กดด้วยซ้ายตุงตาข่าย ส่งให้หงส์แดงออกนำ 1-0
ถัดมานาทีที่ 20 อดีตแชมป์ 5 สมัยมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ จ่ายบอลให้ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ซัดไกลด้วยขวาเต็มข้อพาลูกพุ่งเบียดเสาเข้าไปอย่างสวยสดงดงามหมดจด ช่วยให้เจ้าบ้านหนีห่างเป็น 2-0
จากนั้นนาทีที่ 31 ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์มาได้ประตูที่สามเพิ่มเติมอีก จากจังหวะที่ ซาลาห์ หยอดบอลทางกราบขวาเข้ากลางให้ ซาดิโอ มาเน เทกตัวโขกไม่เหลือ ส่งให้เครื่องจักรสีแดงทำงานทิ้งห่างแบบเหลือเชื่อเกินคาดถึง 3-0 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังหงส์แดงอาจต้องเซ็งเล็กน้อย เมื่อแข้งตัวเก่งอย่าง ซาลาห์ ประสบปัญหาบาดเจ็บจนกฝืนเล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง ไวจ์นัลดุม ลงมาเแทนในนาทีที่ 53 ทว่าสุดท้ายก็ไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีกแต่อย่างใด ทำให้จบเกมเป็นลิเวอร์พูลที่ถล่มเอาชนะไปได้แบบขาดลอยถึง 3-0 กุมความได้เปรียบก่อนที่นัดสองจะโยกไปเล่นกันที่เอติฮัด สเตเดี้ยมบ้าง ในคืนวันอังคารที่ 10 เมษายนนี้ 1.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
Cr:superscore
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ