อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์: เรียกข้าว่าเพลย์เมคเกอร์
Tue 07 Jan 2020, 10:33
สนามคิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม กลายเป็นสถานที่อันอึกทึกเมื่อ ลิเวอร์พูล สโมสรแชมป์โลกบุกมาเยือน ในทุก ๆ สัปดาห์ รายชื่อโผนักเตะของพรีเมียร์ ลีกดูจะสร้างความผิดพลาดแบบเดิม ๆ กับแนวรับของ ลิเวอร์พูล ในรายชื่อตัวจริงมีการลงรายละเอียดของแข้งหมายเลข 66 ทีม "หงส์แดง" เอาไว้ว่าเป็นแบ๊คขวาแต่ในโลกความจริง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เล่นในตำแหน่งอื่น นักเตะอายุ 21 ปีผู้ที่พรสวรรค์ของเขาได้กำหนดบทบาทตัวเองขึ้นมาใหม่กำลังสร้างกระบวนอันแปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมา
TAA แอสซิสต์ 2 ประตู พร้อมกับยิงอีก 1 ลูกในเกมที่เก็บชัยชนะเหนือเลสเตอร์ 4-0 และดูไม่มีใครจะหยุดยั้งเขาได้ เขาเป็นนักฟุตบอลที่พิเศษในหลาย ๆ แนวทาง เขาคือฟูลแบ๊คที่ทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอในแง่ของการสร้างสรรค์เกม
บางคนอาจบอกว่าเขามีจุดอ่อนในการเล่นเกมรับ ซึ่งสิ่งดังกล่าวเราก็ได้เห็นในช่วงต้นเกม แต่เรื่องนี้มันผิดจากประเด็นการเป็นผู้เล่นระดับโลกของเขาไป
ทีมลิเวอร์พูลผู้วิ่งสู้ฟัดมีความรู้สึกในเชิงบวกไหลเวียนอยู่ ความรู้สึกที่ว่าทีมสามารถเปลี่ยนรูปร่างเหมือนเป็นมวลเดี่ยวเพื่อเข้ามาปกปิดจุดอ่อนด้วยจุดแข็ง ลิเวอร์พูลไม่ได้มีหัวหอกจอมถล่มประตู (นัดนี้ฟีร์มิโน่ยิงไป 2), ลิเวอร์พูลไม่มีกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดลงสนาม (พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้) และแน่นอน ลิเวอร์พูล ไม่มีเพลย์เมคเกอร์ระดับโลก เว้นแต่ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขามีและหมอนั่นกำลังปลุกปั้นเกมจากตำแหน่งแบ๊คขวา
มันช่วยได้เยอะเลยเวลาที่คุณลงเล่นในทีมประเภทนี้ ในหลาย ๆ ช่วง เลสเตอร์ดูหวั่นกลัวการเผชิญหน้าฟุตบอลที่ไหลลื่นและการเคลื่อนไหวของลิเวอร์พูล นั่นรวมถึงพลังงานการเป็นทีมที่เหนือกว่าซึ่ง "หงส์แดง" มีติดตัวกับพวกเขาในตอนนี้ด้วย
"เราคือทีมแชมป์โลก" เสียงร้องจากอัฒจันทร์ฝั่งทีมเยือนดังขึ้นตลอดทั้งคืน พวกเขาไม่ต้องการโลโก้จำอวดของฟีฟ่าเพื่อพิสูจน์เรื่องนั้น ตั้งแต่อ่าวเปอร์เซียนมาถึงมิดแลนด์สตะวันออก นี่คือทีมที่ยืนสูงและเล่นได้อย่างน่าตื่นเต้น ลักษณะการวิ่งของพวกเขาทำให้ทุก ๆ เกมรู้สึกเหมือนเป็นนัดชิงชนะเลิศและแผนการเล่นก็ดูจะเป็นแบบเดิมตลอดเวลา อย่าหยุด... อย่าหันหลัง... พวกเขารักษาความเป็นตัวเองเอาไว้ได้แทบจะทุกครั้งไป
มีสัญญาณหลายอย่างบ่งบอกว่า ลิเวอร์พูล คือทีมที่ครอบครองทุกอย่างเอาไว้ได้ในครึ่งแรก ทั้งการดักเก็บบอลจังหวะสองที่เป็นของพวกเขา ทั้งการผ่านบอลที่น่ากลัวของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในลูกตั้งเตะครั้งแรก ๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า เครื่องจักคุณภาพดี กำลังเซ็ตตัวให้เข้ากับจังหวะ
ประตูแรกมาจากลูกครอสที่ทรงพลังและพุ่งอย่างรวดเร็ว อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์คือนักเตะที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ไม่มีใครที่จะเตะบอลได้ในลักษณะเดียวกันกับเขา ไม่มีใครที่จะครอสได้แม่นยำเหมือนกับเขา และไม่มีใครที่ทำให้บอลพุ่งเรียด ๆ เหมือนกับเขา การครอสของเขาเหมือนการยิง การยิงของเขาเหมือนการครอส ลูกเตะมุมเหมือนกับเป็นฟรีคิก
ลูกครอสลอยไปเข้าหัว ฟีร์มิโน่ ที่โขกเข้าเสียบมุม ลิเวอร์พูล ได้ประตูจากความพยายามครั้งที่ 6 เทียบกับ เลสเตอร์ ที่ยังไม่มีโอกาสสักครั้ง เกมครึ่งหลังก็เป็นแบบเดียวกัน ลูกเตะมุมของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำให้ ชากลาร์ โซยุนชู โดนจับแฮนด์บอล เจมส์ มิลเนอร์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปนิ่ม ๆ ไม่นานหลังจากนั้น ฟีร์มิโน่ ทำให้สกอร์กลายเป็น 3-0 จากลูกครอสที่พุ่งเรียด แรง เร็ว จากฝั่งขวา
แอสซิสต์ลูกนี้ทำให้ TAA จัดไปแล้ว 8 ครั้งในพรีเมียร์ ลีก เป็นรองแค่ เควิน เดอ บรอยน์ เพียงคนเดียว ถ้าย้อนกลับไปอีก อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แอสซิสต์ไป 20 ครั้ง ตั้งแต่การออกสตาร์ทเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากกว่านักเตะทุกคน
เลสเตอร์ ไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ จากการเริ่มเกมอย่างระแวดระวัง ในครึ่งแรก เจมี่ วาร์ดี้ ยืนเหงาในแดนหน้าอยู่คนเดียวภายใต้ระบบการเล่น 4-5-1 แผนการของพวกเขาชัดเจน: รับลึก ปล่อยให้ลิเวอร์พูลผ่านบอลไปมา และเข้าทำลายด้วยความแม่นยำ
ปัญหาเดียวคือแผนดังกล่าวไม่มีสัญญาณว่าจะใช้ได้ผล ลิเวอร์พูลรู้ดีว่าคู่แข่งจะเล่นกันแบบนี้ พวกเขาวิ่งไล่เพรสกันอย่างบ้าคลั่งจนโอกาสในการสวนกลับหายไปหมด ก่อนที่คุณจะรู้ตัว ผ่านไป 40 นาที เลสเตอร์ ยังไม่มีโอกาสยิงตรงกรอบสักครั้งเดียว และเกมก็เป็นไปอย่างดุดันในบริเวณหน้าปากประตูของพวกเขาเอง
ลิเวอร์พูลเจอกับความกดดันอยู่บ้างเมื่อเวลาใกล้จะหมดลงแต่พวกเขายังดูเป็นฝ่ายที่มีลุ้นทำประตูได้มากกว่า ประตูของ TAA เกิดขึ้นในนาทีที่ 78 ลูกยิงที่เรียดและรุนแรงเสียบเสาไกล จบการแข่งขันนัดนี้ "หงส์แดง" นำโด่งเป็นจ่าฝูงมีคะแนนเหนือคู่แข่ง 13 แต้ม นี่ขนาดยังเจ็ทแล็คเพราะแทบจะไม่ได้พัก เหลือเกินกับโลกใบนี้ สถานีต่อไป: แชมป์ประเทศอังกฤษ
Cr:soccersuck
TAA แอสซิสต์ 2 ประตู พร้อมกับยิงอีก 1 ลูกในเกมที่เก็บชัยชนะเหนือเลสเตอร์ 4-0 และดูไม่มีใครจะหยุดยั้งเขาได้ เขาเป็นนักฟุตบอลที่พิเศษในหลาย ๆ แนวทาง เขาคือฟูลแบ๊คที่ทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอในแง่ของการสร้างสรรค์เกม
บางคนอาจบอกว่าเขามีจุดอ่อนในการเล่นเกมรับ ซึ่งสิ่งดังกล่าวเราก็ได้เห็นในช่วงต้นเกม แต่เรื่องนี้มันผิดจากประเด็นการเป็นผู้เล่นระดับโลกของเขาไป
ทีมลิเวอร์พูลผู้วิ่งสู้ฟัดมีความรู้สึกในเชิงบวกไหลเวียนอยู่ ความรู้สึกที่ว่าทีมสามารถเปลี่ยนรูปร่างเหมือนเป็นมวลเดี่ยวเพื่อเข้ามาปกปิดจุดอ่อนด้วยจุดแข็ง ลิเวอร์พูลไม่ได้มีหัวหอกจอมถล่มประตู (นัดนี้ฟีร์มิโน่ยิงไป 2), ลิเวอร์พูลไม่มีกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดลงสนาม (พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้) และแน่นอน ลิเวอร์พูล ไม่มีเพลย์เมคเกอร์ระดับโลก เว้นแต่ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขามีและหมอนั่นกำลังปลุกปั้นเกมจากตำแหน่งแบ๊คขวา
มันช่วยได้เยอะเลยเวลาที่คุณลงเล่นในทีมประเภทนี้ ในหลาย ๆ ช่วง เลสเตอร์ดูหวั่นกลัวการเผชิญหน้าฟุตบอลที่ไหลลื่นและการเคลื่อนไหวของลิเวอร์พูล นั่นรวมถึงพลังงานการเป็นทีมที่เหนือกว่าซึ่ง "หงส์แดง" มีติดตัวกับพวกเขาในตอนนี้ด้วย
"เราคือทีมแชมป์โลก" เสียงร้องจากอัฒจันทร์ฝั่งทีมเยือนดังขึ้นตลอดทั้งคืน พวกเขาไม่ต้องการโลโก้จำอวดของฟีฟ่าเพื่อพิสูจน์เรื่องนั้น ตั้งแต่อ่าวเปอร์เซียนมาถึงมิดแลนด์สตะวันออก นี่คือทีมที่ยืนสูงและเล่นได้อย่างน่าตื่นเต้น ลักษณะการวิ่งของพวกเขาทำให้ทุก ๆ เกมรู้สึกเหมือนเป็นนัดชิงชนะเลิศและแผนการเล่นก็ดูจะเป็นแบบเดิมตลอดเวลา อย่าหยุด... อย่าหันหลัง... พวกเขารักษาความเป็นตัวเองเอาไว้ได้แทบจะทุกครั้งไป
มีสัญญาณหลายอย่างบ่งบอกว่า ลิเวอร์พูล คือทีมที่ครอบครองทุกอย่างเอาไว้ได้ในครึ่งแรก ทั้งการดักเก็บบอลจังหวะสองที่เป็นของพวกเขา ทั้งการผ่านบอลที่น่ากลัวของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในลูกตั้งเตะครั้งแรก ๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า เครื่องจักคุณภาพดี กำลังเซ็ตตัวให้เข้ากับจังหวะ
ประตูแรกมาจากลูกครอสที่ทรงพลังและพุ่งอย่างรวดเร็ว อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์คือนักเตะที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ไม่มีใครที่จะเตะบอลได้ในลักษณะเดียวกันกับเขา ไม่มีใครที่จะครอสได้แม่นยำเหมือนกับเขา และไม่มีใครที่ทำให้บอลพุ่งเรียด ๆ เหมือนกับเขา การครอสของเขาเหมือนการยิง การยิงของเขาเหมือนการครอส ลูกเตะมุมเหมือนกับเป็นฟรีคิก
ลูกครอสลอยไปเข้าหัว ฟีร์มิโน่ ที่โขกเข้าเสียบมุม ลิเวอร์พูล ได้ประตูจากความพยายามครั้งที่ 6 เทียบกับ เลสเตอร์ ที่ยังไม่มีโอกาสสักครั้ง เกมครึ่งหลังก็เป็นแบบเดียวกัน ลูกเตะมุมของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำให้ ชากลาร์ โซยุนชู โดนจับแฮนด์บอล เจมส์ มิลเนอร์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปนิ่ม ๆ ไม่นานหลังจากนั้น ฟีร์มิโน่ ทำให้สกอร์กลายเป็น 3-0 จากลูกครอสที่พุ่งเรียด แรง เร็ว จากฝั่งขวา
แอสซิสต์ลูกนี้ทำให้ TAA จัดไปแล้ว 8 ครั้งในพรีเมียร์ ลีก เป็นรองแค่ เควิน เดอ บรอยน์ เพียงคนเดียว ถ้าย้อนกลับไปอีก อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แอสซิสต์ไป 20 ครั้ง ตั้งแต่การออกสตาร์ทเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากกว่านักเตะทุกคน
เลสเตอร์ ไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ จากการเริ่มเกมอย่างระแวดระวัง ในครึ่งแรก เจมี่ วาร์ดี้ ยืนเหงาในแดนหน้าอยู่คนเดียวภายใต้ระบบการเล่น 4-5-1 แผนการของพวกเขาชัดเจน: รับลึก ปล่อยให้ลิเวอร์พูลผ่านบอลไปมา และเข้าทำลายด้วยความแม่นยำ
ปัญหาเดียวคือแผนดังกล่าวไม่มีสัญญาณว่าจะใช้ได้ผล ลิเวอร์พูลรู้ดีว่าคู่แข่งจะเล่นกันแบบนี้ พวกเขาวิ่งไล่เพรสกันอย่างบ้าคลั่งจนโอกาสในการสวนกลับหายไปหมด ก่อนที่คุณจะรู้ตัว ผ่านไป 40 นาที เลสเตอร์ ยังไม่มีโอกาสยิงตรงกรอบสักครั้งเดียว และเกมก็เป็นไปอย่างดุดันในบริเวณหน้าปากประตูของพวกเขาเอง
ลิเวอร์พูลเจอกับความกดดันอยู่บ้างเมื่อเวลาใกล้จะหมดลงแต่พวกเขายังดูเป็นฝ่ายที่มีลุ้นทำประตูได้มากกว่า ประตูของ TAA เกิดขึ้นในนาทีที่ 78 ลูกยิงที่เรียดและรุนแรงเสียบเสาไกล จบการแข่งขันนัดนี้ "หงส์แดง" นำโด่งเป็นจ่าฝูงมีคะแนนเหนือคู่แข่ง 13 แต้ม นี่ขนาดยังเจ็ทแล็คเพราะแทบจะไม่ได้พัก เหลือเกินกับโลกใบนี้ สถานีต่อไป: แชมป์ประเทศอังกฤษ
Cr:soccersuck
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ